สรุปภาษีคริปโตแบบเข้าใจง่ายเหมือนจับมือทำ

สรุปภาษีคริปโต

เรียกได้ว่าเป็นประเด็น talk of the town เลยก็ว่าได้นะครับ กับกรณีการเรียกเก็บ ภาษีคริปโต จากผู้ลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี และ โทเคนดิจิทัล ในบทความนี้ทาง Cryptocup ก็ไม่พลาดที่จะสรุปข้อมูลเกี่ยวกับภาษีคริปโตที่ดูจะเข้าใจยาก ให้ออกมาง่ายเหมือนจับมือทำ แบบจบครบทุกประเด็นความสงสัย ว่า ใครจะต้องเสียภาษีคริปโตบ้าง วิธีการคำนวณภาษี แบบที่ต้องยื่น และกรณียกเว้นที่ไม่เข้าข่ายในการเสียภาษีมีอะไรบ้าง ไปเริ่มกันเลยครับ

สรุปภาษีคริปโต

ผู้ใดต้องทำการเสียภาษีคริปโตบ้าง?

1. การจำหน่าย จ่าย โอน หรือแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัล 

จัดเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(4)(ฌ) ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.90

2. การขุดคริปโตเคอร์เรนซี 

ณ วันที่ได้รับคริปโตเคอร์เรนซีจากการขุด ยังไม่ถือเป็นเงินได้พึงประเมิน เมื่อมีการจำหน่าย จ่าย โอน หรือแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีที่ขุดมาได้ จึงถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร โดยสามารถหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามความจำเป็นและสมควร แต่ผู้ขุดต้องเก็บเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องและจัดทำบัญชีต้นทุน เช่น ค่าซ่อมบำรุงคอมพิวเตอร์ ค่าจ้างพนักงาน ค่านายหน้าค่าไฟฟ้า ค่าอินเทอร์เน็ต ที่เกิดขึ้นจริงในปีภาษี เป็นต้น ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.90

3. การได้รับคริปโตเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัล เป็นเงินเดือนหรือค่าจ้าง

พนักงานได้รับเงินเดือนเป็นคริปโตเคอร์เรนซีถือเป็นเงินได้เนื่องจากการจ้างแรงงาน ถือเป็นผู้ได้รับเงินได้พึงประเมินประเภท40(1)

ผู้รับจ้างได้รับค่าจ้างเป็นคริปโตเคอร์เรนซีถือเป็นเงินได้จากการรับทำงานให้นั้นไม่ว่าหน้าที่ หรือตำแหน่งงาน หรืองานที่รับทำให้นั้นจะเป็นการประจำหรือชั่วคราว ผู้มีเงินได้กรณีนี้ ถือเป็นผู้ได้รับเงินได้พึงประเมินประเภท 40(2) ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.90/91

4. คริปโตเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัล จากการให้หรือได้รับเป็นรางวัล

ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(8) ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.90

5. ได้รับผลประโยชน์ หรือผลตอบแทนจากการถือครองโทเคนดิจิทัลและคริปโตเคอร์เรนซี

5.1 โทเคนดิจิทัล

▪ ตัวอย่างเช่น Yield farming หรือ Staking เป็นต้น

▪ ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(4)(ซ)

ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.90

5.2 คริปโตเคอร์เรนซี

▪ ตัวอย่างเช่น Yield farming หรือ Staking เป็นต้น

▪ ผลประโยชน์หรือผลตอบแทนจากการถือครองคริปโตเคอร์เรนซี ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(8)

ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.90

วิธีการคำนวณต้นทุนในการคิดภาษีคริปโต

1. วิธีเข้าก่อนออกก่อน The first-in first-out (FIFO) 

คือ การคำนวณต้นทุนคริปโทเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัลโดยคริปโทเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัลที่ซื้อมาก่อนจะขายออกไปก่อนตามลำดับ จึงเป็นผลให้รายการคริปโทเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัลที่เหลืออยู่ ณ วันสุดท้ายเป็นคริปโทเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัลที่ซื้อมา ครั้งหลังสุด

ยกตัวอย่างเช่น

วันที่ 1 มกราคม ซื้อคริปโต C จำนวน 1 เหรียญในราคา 100 บาท/เหรียญคริปโต ต่อมาในวันที่ 2 มกราคม ซื้อเพิ่มอีก 1 เหรียญในราคา 150 บาท 

หลังจากนั้น ในวันที่ 5 มกราคมได้ทำการขายเหรียญคริปโต C จำนวน 1 เหรียญ ต้นทุนที่นำมาคำนวณสำหรับเหรียญที่ขายไปนั้นคือ 100 บาท/เหรียญคริปโต

2. วิธีต้นทุนถัวเฉลี่ยเคลื่อนที่ The moving average cost 
คือ การคำนวณต้นทุนคริปโทเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัล แต่ละประเภทจะกำหนดจากการถัวเฉลี่ยต้นทุนของคริปโทเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัลประเภทเดียวกัน ณ วันต้นปีกับต้นทุนของคริปโทเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัลที่ซื้อมาในระหว่างปีซึ่งคำนวณทุกครั้งที่ซื้อคริปโทเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัล
ยกตัวอย่างเช่น
วันที่ 1 มกราคม ซื้อคริปโต C จำนวน 1 เหรียญในราคา 100 บาท/เหรียญคริปโต ต่อมาในวันที่ 2 มกราคม ซื้อเพิ่มอีก 3 เหรียญในราคา 150 บาท 
หลังจากนั้น ในวันที่ 5 มกราคมได้ทำการขายเหรียญคริปโต C จำนวน 1 เหรียญ ต้นทุนที่นำมาคำนวณสำหรับเหรียญที่ขายไปนั้นคือ 75 บาท/เหรียญคริปโต
สูตรในการคำนวณคือ
(N1 * P1)+(N2 * P2)/ N1+N2

การผ่อนปรนการเสียภาษีคริปโตของกรมสรรพากร

1. สามารถนำผลขาดทุนมาหักลบกำไรในปีภาษีเดียวกันได้ ซึ่งจะสามารถเข้าเงื่อนไขนี้เฉพาะ Exchange ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. เท่านั้น

2. ยกเว้นภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% กรณีธุรกรรมที่กระทำผ่าน Exchange ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. จะไม่สามารถระบุตัวตนผู้รับเงิน และไม่ทราบจำนวนเงินได้ที่ต้องหัก ณ ที่จ่าย ทำให้ไม่ครบองค์ประกอบการหักภาษี ณ ที่จ่าย

3. ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กรณีธุรกรรมที่กระทำผ่าน Exchange ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต.

มีกรณีใดที่ได้กำไรจากการขายคริปโตฯ แล้วไม่ต้องเสียภาษีบ้าง?

1. มีรายได้จากการเทรดคริปโตฯ เพียงอย่างเดียวและมีกำไรตลอดปีไม่เกิน 60,000 บาท กรณีนี้ไม่ต้องยื่นหรือเสียภาษี โดยสามารถยื่นขอคืนภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายได้

2. มีรายได้จากการเทรดคริปโตฯ เพียงอย่างเดียว และมีกำไรตลอดปีไม่เกิน 210,000 บาท กรณีนี้ต้องยื่นแต่ไม่ต้องเสียภาษี โดยสามารถยื่นขอคืนภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายได้เช่นกัน

3. อายุครบ 65 ปี หรือมีบัตรประจำตัวผู้พิการ และมีกำไรจากการขายคริปโตฯ ตลอดปีไม่เกิน 400,000 บาท กรณีนี้ต้องยื่นแต่ไม่ต้องเสียภาษี โดยสามารถยื่นขอคืนภาษีที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายได้เช่นกัน

 

Recommended Posts